Cloud Computing คืออะไร?
Cloud Computing (คลาวด์คอมพิวติ้ง)ก็คือ
แนวคิดการใช้งานทางด้านไอทีที่ใช้วิธีดึงพลังและสมรรถนะจากคอมพิวเตอร์หลาย ๆ
ตัวจากต่างสถานที่ให้มาทำงานสอดประสานกันเพื่อช่วยขับเคลื่อนการบริการทางด้านไอที
ยกตัวอย่างเช่น นาย A เป็นเจ้าของเว็บไซต์ที่มีคนเข้าวันละประมาณ
100,000 คน Server ที่เก็บเว็บไซต์ของนาย
A ก็รองรับได้สูงสุดที่ 100,000
คนต่อวัน ไม่มีปัญหาอะไร
แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งเว็บไซต์ของนาย A เกิดได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น
มีคนเข้ามากกว่า 100,000 คนต่อวัน ก็ทำให้เกินกำลังของ server
ทำให้เว็บไซต์ล่มใช้งานไม่ได้
แต่ถ้านาย A ใช้ระบบ Cloud Computing โดยคอมพิวเตอร์ Server กลุ่มนี้มีสักสิบเครื่อง
เครื่องหนึ่งรองรับคนได้ 100,000 คนต่อวัน
ระบบทั้งหมดก็จะรองรับคนเข้าเว็บไซต์ได้สูงถึง 1,000,000
คนต่อวัน

Cloud computing เป็น "Anywhere!
Anytime!" คือทุกที่ทุกเวลา
ไม่ว่าคุณจะอยู่ตรงไหนก็ตาม ขอแค่มี Internet กับ Computer สักตัว คุณก็ทำงานได้แบบ 24/7 (24 ชั่วโมง 7)
โดยในปัจจุบัน องค์กรสามารถใช้ Cloud Technology หรือ
Cloud Computing ได้ 2-3 รูปแบบ (SaaS,
IaaS, PaaS) อธิบายแบบง่ายๆ คือ

รูปแบบที่ 1 (Software as a Service, SaaS): จากรูปด้านล่างผู้ใช้สามารถเข้าถึงแอพพลิเคชั่นและข้อมูลองค์กรได้ทุกที่
ทุกเวลา โดยผู้ใช้สามารถเรียกใช้ Business Software บน Cloud
Technologyได้ทันที เช่น ใช้ Email Application, ระบบ File Sharing/Content Management, ระบบ CRM
Application สำหรับ Sales และ Customer
Support เป็นต้น โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องสนใจเลยว่า Application
นี้ทำงานอยู่ที่ไหน เก็บข้อมูลอย่างไร
ผู้ใช้สามารถเรียกใช้งานได้ตลอด ทุกที่ ทุกเวลา ที่สามารถเข้าถึง Internet ได้

รูปแบบที่ 2 (Infrastructure as a Service,
IaaS): สะดวก ยืดหยุ่น และ ง่ายต่อการบริหารทรัพยากร IT ผู้ใช้สามารถเรียกใช้ Virtual Server/ Virtual Machine บน Cloud Technology ได้ทันที ยกตัวอย่างเช่น
หากต้องการเครื่อง Server ที่มี 4 CPUs, 32GB Memory,
10TB Storage สามารถเรียกขึ้นมาใช้ได้ทันที จาก Cloud
Technology เช่นเดียวกันกับรูปแบบที่ 1
ที่ผู้ใช้ไม่ต้องสนใจเลยว่า Virtual Server หรือ Virtual
PC/Desktop ที่ได้มานั้น ตั้งอยู่ที่ไหนมาได้อย่างไร
สามารถเรียกใช้หรือคืนได้ทันทีเมื่อใช้เสร็จ

Cloud Technology รูปแบบที่ 3 (Platform as a Service, PaaS): เป็นรูปแบบที่กำลังจะมีความสำคัญมากขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ของเพื่อให้
นักพัฒนาซอฟต์แวร์สามารถพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่อาศัยคุณสมบัติข้อดีของCloud ได้อย่างดีเยี่ยม รูปแบบนี้ อาจจะอธิบายได้ยากและซับซ้อนมากขึ้นกว่า 2 รูปแบบแรก ซึ่งผู้ใช้ Cloud ในรูปแบบนี้จะเป็นกลุ่มผู้ใช้ที่เป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์
(Software Developer) ที่ต้องการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อใช้งานบน
Cloud และให้ซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นนั้นใช้คุณสมบัติต่างๆของ Cloud
ที่จะไม่สามารถหาได้จากสภาวะปกติ (Non-cloud computing) เช่น ความสามารถในการขยาย Computing Resource (CPU/Memory) เมื่อต้องใช้ประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก หรือ หดComputing Resource เมื่อใช้ประมวลผลข้อมูลจำนวนไม่มาก เป็นต้น โดยเป็นรูปแบบการใช้ Cloud
Technology ที่กำลังจะเป็นที่นิยมมากขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
ไม่น่าเกินปี 2015
ประโยชน์ของ Cloud Computing มีดังนี้
1. ประหยัดการลงทุนเรื่องทรัพยากรคอมพิวเตอร์
เพราะเปลี่ยนมาเป็นการเช่าระบบแทน
ซึ่งทำให้บริษัทที่มีเงินลงทุนจำกัดสามารถมีระบบสารสนเทศที่ดีใช้ได้เท่า
เทียมกับบริษัทอื่นๆ
2. สามารถสร้างระบบใหม่ขึ้นมาใช้ได้ในเวลาอันรวดเร็ว
เพราะว่าผู้ให้บริการจะจัดเตรียมทรัพยากรขนาดใหญ่ไว้รองรับผู้ใช้บริการอยู่ แล้ว
ดังนั้นจึงไม่ต้องมีระยะเวลาการ ออกแบบระบบ สั่งซื้อฮาร์แวร์ และติดตั้งฮาร์ดแวร์
ซึ่งแค่นี้ก็ลดระยะเวลาดำเนินการไปเป็นเดือนเลยทีเดียว
3. เพิ่มขนาดทรัพยากรได้ง่ายดายและรวดเร็ว
ในกรณีที่ระบบของผู้ใช้บริการมีขนาดใหญ่ขึ้นก็ย่อมต้องขยายทรัพยากรให้เพิ่ม
ขึ้นตามการใช้งาน
ซึ่งระบบที่เป็นของบริษัทเองคงต้องทำการออกแบบและสั่งซื้อและติดตั้งกัน
วุ่นวายเสียเวลา ด้วยการใช้บริการ Cloud computing ก็ทำให้การเพิ่มขนาดทรัพยากรนั้นง่ายและรวดเร็วภายในข้ามคืนเท่านั้น
4. ขจัดปัญหาเรื่องการดูแลระบบทรัพยากรสารสนเทศ
ออกไปให้ผู้ให้บริการ Cloud computing ดูแลแทน
จึงทำให้ลดทั้งความยุ่งยากของการดูแลและลดจำนวนบุคลากรที่ต้องจ้างมาเพื่อ
ดูแลระบบอีกด้วย
เอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Cloud Computing มีอะไรบ้าง
-
Agility ผู้ใช้จะรู้สึกเหมือนทุกอย่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว
-
Cost ช่วยลดค่าใช้จ่ายในองค์กร
-
Device and location independence ทุกที่ทุกเวลา
ขอแค่คอมพิวเตอร์ กับ Internet Connection
-
Multi-tenancy สามารถแบ่างทรัพยากรไปให้ผู้ใช้จำนวนมาก
-
Reliability ความน่าเชื่อถือ มีความพร้อมสำหรับการรับมือกับภัยคุกคามข้อมูลต่างๆมากแค่ไหน
-
Scalability พร้อมสำหรับการปรับเปลี่ยนไปตามความต้องการ
... ความต้องการของผู้ใช้ และเตรียมรองรับเทคโนโลยีหลายๆรูปแบบ
-
Security สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ และยิ่งใน Cloud
Computing แล้วข้อมูลอรวมอยู่ที่เดียวกัน
ก็ยิ่งต้องเพิ่มความปลอดภัยให่มากยิ่งขึ้น
-
Sustainability โครงสร้างที่แข็งแรงต้องอาศัยความแข็งจากทุกส่วนรวมกัน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก